20 Application ที่อาจทำให้คุณต้องซื้อมือถือใหม่ประจำ

20 Application ที่อาจทำให้คุณต้องซื้อมือถือใหม่ประจำ

June 2, 2021 0 By Jeremy

ถามหน่อย…สิ่งที่เราส่วนใหญ่มักทำเวลาได้ Smartphone เครื่องใหม่มาคืออะไร? คำตอบก็คือการลง Application ใหม่ๆ ที่เราใช้เป็นประจำ และหลังจากนั้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หรือไม่กี่วัน เราก็จะมี App ต่างๆ โชว์หรา บนหน้าจอของ Smartphone ไม่ว่าจะเป็น Apple หรือ Android Phone เต็มไปหมด

มือถือเริ่มช้า เพราะแอพ?

แอพเหล่านี้ รวมถึง Social Media, แอพนัดเดท, แอพ ที่เป็น Utilities ต่างๆ หรือจะเป็น app shopping ก็ตาม แต่ อย่างไรก็ดี ผลงานวิจัยล่าสุด ค้นพบว่า application เหล่านี้ จะค่อยๆ ทำให้มือถือคุณพัง โดยการทำวิจัยกับ แอพมือถือ 100 ตัวที่มีการดาวน์โหลดสูงสุดทุก Platform

ซึ่งการทำการทดสอบครั้งนี้ ทำโดย pCloud ซึ่งเป็น บริษัทของนิวซีแลนด์ และเป็นบริษัท IT ชั้นนำ โดยมีการทำวิจัยเกี่ยวกับการใช้งาน Application มากถึง 100 แอพ ด้วยกัน ซึ่งมีผลกระทบต่อ Smartphone ของทุกคน โดยขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยดังนี้

  1. ฟีเจอร์ หรือ การทำงานของ Application
  2. ปริมาณการใช้แบตเตอรี่
  3. มี Dark Mode สำหรับการลดการใช้งานแบตเตอรี่

ผลการทดลองพบว่า แอพที่มีการใช้ resource หรือ ความสามารถของ Smartphone มากๆ ไม่ได้ทำให้แบตลดลงเท่านั้น แต่ทำให้ Memory ลดน้อยลงไปด้วย ซึ่งเป็นผลทำให้ มือถือ ทำงานช้าลง

ตัวอย่าง App ที่ทำให้ มือถือช้า

Social Media

20 ตัวแรกของ App ที่ทำให้มือถือช้าลงและไม่เหมือนเดิม ทั้งมีใช้กันอย่างแพร่หลายในไทย และในต่างประเทศ เช่น Facebook, Instagram, Snapchat, Youtube, Whatsapp และ Linkedin ซึ่งแอพเหล่านี้จะรัน 11 functions ใน background แม้ว่าจะปิดแอพไปแล้วก็ตาม

ถามว่าแม้ว่าจะปิดแอพไปแล้ว หรือ หยุดการทำงานไปแล้ว แอพยังคงเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่องเช่น การใช้ Wifi, การเช็ค Location ผู้ใช้งาน, ภาพ, ไมโครโฟน, แต่อย่างไรก็ดี มีรายงานว่า Instagram เป็นแอพเดียวที่มี Dark Mode สำหรับการประหยัดแบต ได้ถึง 30%

Dating Apps

แต่ถ้าเป็น Dating App หรือแอพ ไซด์ไลน์ รับงาน อย่าง Tinder, Bumble, และ Grinder (ซึ่งไม่ค่อยเป็นที่นิยมในไทย) จะถูกจัดในหมวดการใช้พลังงาน 15% ของ 20 app ที่มีการใช้พลังงานสูงสุด ซึ่งแอพเหล่านี้จะไม่มี Dark Mode ให้ใช้งานแม้แต่น้อย

Transport Apps

และหากเป็นแอพที่เกี่ยวข้องกับการขนส่ง การท่องเที่ยว ทาง pCloud บอกไว้ว่า Application ของ United Airlines ใช้ Resource สูงสุด ที่ 437.8 MB และ Lyft (คล้ายกันกับ Grab) ใช้ 325.1MB รวมถึง UBER ใช้ 299.6 MB

Productivity Apps

ทาง pCloud ยกตัวอย่าง Microsoft Teams ที่มีการใช้ Resource lูงสุดที่ 232.2MB แต่ Zoom ใช้เพียง 82.1 MB เท่านั้น และ skype มาเป็นอันดับ 2 คือ 111.2 MB

อย่างไรก็ดี ยังไม่มีงานวิจัย ทดลองว่า App ที่คนไทยใช้เยอะที่สุดอย่าง GRAB หรือ LINE Application มีการใช้งานเยอะขนาดไหน เพราะมีหลายคนเริ่มสังเกตว่า เมื่อใช้ LINE ไประยะหนึ่งแล้ว เครื่องมือถือจะเริ่มช้าลง ทำให้เป็นปัญหาอย่างยิ่ง

20 App ที่ทำให้มือถือช้า เรียงตามลำดับ

ข้อมูลจาก Entrepreneur.com ที่มีการเอาข้อมูลของ pCloud มาเรียงลำดับ ว่า application ใดของมือถือที่ทำให้เครื่องช้ามากที่สุด ตามนี้:

  1. Fitbit – 92%
  2. Verizon – 92%
  3. Uber – 87%
  4. Skype – 87%
  5. Facebook – 82%
  6. AirB & B – 82%
  7. BIGO LIVE – 82%
  8. Instagram – 79%
  9. Tinder – 77%
  10. Bumble – 77%
  11. Snapchat – 77%
  12. WhatsApp – 77%
  13. Zoom – 77%
  14. YouTube – 77%
  15. Booking – 77%
  16. Amazon – 77%
  17. Telegram – 77%
  18. Grinder – 72%
  19. Likke – 72%
  20. LinkedIn – 72%

จะเห็นได้ว่า Fitibt แอพพลิเคชั่น มีการใช้งานสูงที่สุด และทำให้มือถือช้าลงมากที่สุด ส่วนสำหรับคนไทย แล้ว น่าจะมีการใช้ Youtube และ Zoom สำหรับคนประชุมมาก อย่างไรก็ดี เรายังไม่ได้รับรายงานเกี่ยวกับ app ที่เกี่ยวกับ ประกันสุขภาพ ที่ทำให้มือถือช้าลง เนื่องจากบริษัทประกันในประเทศไทย และต่างประเทศไม่ได้มีการถูกใช้งานมากเท่าแอพเหล่านี้